พระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. ๒๕๕๘
เพื่อให้เป็นไปตามกฏหมายดังกล่าว สมาชิกทุกท่านต้องอ่านทำความเข้าใจและปฏิบัติตามอย่างเคร่งคัด
ตะโพนรุ่นแรกเนื...
ตะโพนรุ่นแรกเนื้อโลหะ อุดผงอิททิเจและเสันเกษาตอกโค้ตและหมายเลข หลวงพ่อสม วัดโพธิ์ทอง จ.อ่างทอง
ตะโพนรุ่นแรกเนื้อโลหะ อุดผงอิททิเจและเสันเกษาตอกโค้ตและหมายเลข หลวงพ่อสม วัดโพธิ์ทอง จ.อ่างทอง

หลวงพ่อสม หรือ พระครูโสภณสิริธรรม สุชีโว วัดโพธิ์ทอง ต.คำหยาด อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง

เป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ทอง เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง อีกทั้งยังเป็นพระแพทย์แผนโบราณ เป็นพระนักการศึกษา พระนักปกครอง และพระนักพัฒนาพร้อมกันไป ชื่อเสียงของหลวงพ่อสม จึงได้ขจรขจายไปทั้งเมืองอ่างทอง เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้านโดยทั่วไป

พระครูโสภณสิริธรรม สุชีโว มีนามเดิมว่า สม พรหมทอง เกิดเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2473 บิดา-มารดา ชื่อนายหวล และนางละมาย พรหมทอง เกิดที่บ้านบางลำพู ข้างวัดสังเวชวิศยาราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ ท่านเป็นบุตรชายคนโต ต่อมา ได้อพยพครอบครัวไปตั้งรกรากอยู่ที่ อ.สรรพยา จ.ชัยนาท

ด้วยความที่บิดามีความสนิทสนมกับสมภารวัดที่อยู่ใกล้กับบ้าน คือ หลวงพ่อทรัพย์ เจ้าอาวาสวัดอินทาราม (วัดตลุก) จึงได้นำบุตรชายไปฝากให้เป็นลูกศิษย์คอยปรนนิบัติรับใช้ในกิจการต่างๆ รวมทั้งอบรมสั่งสอนเล่าเรียนวิชาการต่างๆ จากหลวงพ่อทรัพย์ และโรงเรียนประชาบาลที่อยู่ภายในวัดอินทาราม จนจบการศึกษาอันเป็นชั้นสูงสุดของโรงเรียน

นอกจากวิชาสามัญในโรงเรียนแล้ว หลวงพ่อทรัพย์ ยังได้อบรมสั่งสอนวิชาแพทย์แผนโบราณ ทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติให้ เนื่องจากหลวงพ่อทรัพย์ เป็นหมอยาไทยที่มีชื่อเสียง จะมีผู้คนมาให้ท่านรักษากันมาก จึงมีหน้าที่ปรุงยาไทยให้หลวงพ่อทรัพย์ ตามใบกำกับยาที่ท่านสั่งให้ ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้หลวงพ่อสม ได้สั่งสมความรู้ทางแพทย์แผนโบราณอย่างดี

จนอายุ 17 ปี ด.ช.สม พรหมทอง ได้บรรพชาเป็นสามเณรอยู่ที่วัดอินทาราม (วัดตลุก) ตั้งอยู่หมู่ที่ 2 ตำบลตลุก อำเภอสรรพยา และเรียนพระปริยัติธรรมอยู่ที่สำนักเรียนวัดอินทาราม พ.ศ.2490 สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี พ.ศ.2491 สอบได้นักธรรมชั้นโท

นอกจากนี้ ยังได้เรียนวิทยาคมจากพระเกจิอาจารย์ชื่อดังที่เดินทางมาอยู่ปริวาสที่วัดอินทาราม เช่น หลวงพ่อรุ่ง และหลวงพ่อเดิม พระเกจิชื่อดังแห่งวัดหนองโพ จ.นครสวรรค์ จนอายุ 19 ปี ได้ลาสึกออกมาด้วยเหตุที่โยมบิดา-มารดามีอายุชราภาพมากขึ้น จำต้องออกมาช่วยงานหาเลี้ยงครอบครัว คือ การควบคุมเรือบรรทุกสินค้าล่องมาค้าขายที่กรุงเทพฯ

จนเมื่ออายุ 24 ปี ได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดอินทาราม มีพระครูธรรมวิริยโสภณ (ทรัพย์) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระสมุห์สนิท เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์เส็ง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “สุชีโว” มีความหมายว่า “ผู้มีชีวิตอันงาม”

หลังอุปสมบทจึงหมั่นศึกษาต่อจากที่ได้เล่าเรียนเมื่อครั้งเป็นสามเณร จนสามารถสอบได้นักธรรมชั้นเอก ครั้นหมดภาระทางการศึกษาพระปริยัติธรรม จึงหันไปศึกษาตำราแพทย์แผนโบราณต่อจากที่เคยได้ศึกษาไว้เมื่อครั้งเป็นสามเณร จากหลวงพ่อทรัพย์ เจ้าอาวาสวัดอินทาราม (วัดตลุก) ท่านได้ศึกษาอย่างจริงจัง เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งปวง ด้วยความ มุ่งมั่นเกี่ยวกับการรักษาโรคด้วยยาสมุนไพร ทำให้หลวงพ่อสม ได้รับนิมนต์ให้ไปบรรยายวิชาแพทย์แผนโบราณแก่หน่วยงานของทางราชการ และหน่วยงานเอกชน

ยามว่างงานด้านการรักษาโรค ก็ศึกษาข้อกัมมัฏฐาน และหมั่นเพียรปฏิบัติสมาธิกัมมัฏฐานอย่างเอาจริงเอาจัง นอกจากนี้ หลวงพ่อทรัพย์ ได้ฝึกอบรมหลวงพ่อสม ด้วยการให้ท่านเขียนลบเลขยันต์ต่างๆ ในแผ่นกระดานชนวนอยู่อย่างนั้นนับแรมปี ด้วยสิ่งใดก็ตามเมื่อทำอย่างซ้ำๆ จะเป็นผลดีในการฝึกจิตแบบอดทนนอกจากนี้

หลวงพ่อสม ได้ไปศึกษาวิทยาคมเพิ่มเติมกับน้าแท้ๆ ของท่าน คือ หลวงน้าเก็บ หรือหลวงพ่อเก็บ แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท กล่าวได้ว่า หลวงพ่อเก็บ เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ศุข แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า พระเกจิชื่อดัง

ครั้งหนึ่ง หลวงพ่อสม ได้มาอยู่กับหลวงน้าของท่านที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า ได้ตั้งใจศึกษาวิทยาคมสายหลวงปู่ศุขอย่างจริงจัง จนมีความสำเร็จ และมีประสบการณ์ให้ได้เห็นกันในปัจจุบัน ส่งผลให้วัตถุมงคลที่ท่านได้ร่วมนั่งปรกอธิษฐานจิตมีความเข้มขลัง ได้รับการยอมรับจากบรรดานักสะสมนิยมพระเครื่องเป็นอย่างยิ่ง

หลวงพ่อสม ได้ฝึกจิตด้วยความเพียร โดยเห็นว่า “จิตเป็นที่ตั้งแห่งความดีและความชั่ว ความดีและความชั่วนั้นต่างมีพลังงานในตัวของมันเอง และพลังงานของทั้ง 2 ฝ่ายเป็นปฏิปักษ์กันโดยธรรมชาติ มีการต่อสู้กันอยู่เนืองนิตย์ จิตใจเป็นสนามต่อสู้ของทั้งสองฝ่าย”

“ผลแห่งการต่อสู้นั้นด้วย คือ พลอยเป็นสุขเมื่อความดีชนะ พลอยเป็นทุกข์เดือดร้อนเมื่อความชั่วชนะ จิตใจย่อมมีอิสรเสรีที่จะเข้ากับฝ่ายใดก็ได้ เมื่อพิจารณาด้วยปัญญาแล้วเห็นควรเข้ากับฝ่ายใด และมีทางเอาตัวรอดจากอำนาจทั้ง 2 ฝ่ายนั้นด้วย”

พ.ศ.2525 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ทอง อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง ต่อมา ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท ในราชทินนามพระครูโสภณสิริธรรม

พ.ศ.2549 เป็นเจ้าคณะอำเภอโพธิ์ทอง ในปีเดียวกัน หลวงพ่อสมได้เข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาในมหาวิทยาลัยสงฆ์ ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตวัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี จนจบหลักสูตรพุทธศาสตรบัณฑิต

หลวงพ่อสม มีชื่อเสียงเกียรติคุณในด้านการจัดสร้างพระผง ได้มีการนำมวลสารผงอิทธิเจ ผงปถมัง ผงมหาราช ผงตรีนิสิงเห ที่ได้ผ่านการเขียนสูตร เรียกสูตร ลบสูตรทุกขั้นตอนตามแบบโบราณหลวงพ่อสม ได้บอกเล่าถึงกระบวนการทำผงมวลสารวัตถุมงคลว่า “ต้องหาที่มุมสงบเพื่อให้จิตนิ่งเป็นสมาธิแล้วเขียนสูตรพร้อมเรียกสูตรไปที ลบตัวอักขระ จนครบทุกตัวอักขระเลขยันต์บนกระดานชนวน 1 ครั้ง หรือ 1 รอบ ต้องใช้เวลาเขียนสูตร เรียกสูตร ลบสูตรเป็นเวลาถึง 3 ชั่วโมงครึ่ง รวมทั้งการหาฤกษ์เขียนสูตรผง จะต้องเป็นฤกษ์ที่สมบูรณ์ที่สุด เพื่อให้ผงนั้นมีพุทธคุณเข้มขลังมากที่สุด”
ผู้เข้าชม
399 ครั้ง
ราคา
800
สถานะ
มาใหม่
โดย
ชื่อร้าน
พลศรีทองพระเครื่อง2 ( บู เชียงราย )
ร้านค้า
โทรศัพท์
ไอดีไลน์
busoftware52
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
ยังไม่ส่ง ข้อมูลยืนยันตัวตน

ผู้เข้าใช้งานล่าสุด
ErawanLe29Amuletก้อง วัฒนาสายน้ำอุ่นfuchoo18Bon13
ว.ศิลป์สยามBeerchang พระเครื่องนนท์ คุณพระtossspoop2015vanglanna
ภูมิ IRพีพีพระเครื่องพีพีพระสมเด็จsomemanชา วานิชlord
พระเครื่องโคกมนMuthitanatthanetกรัญระยองเปียโนSpiderman
บ้านพระหลักร้อยบ้านพระสมเด็จnattapong939อภินันต์ พระเครื่องChumpholKshop

ผู้เข้าชมขณะนี้ 842 คน

เพิ่มข้อมูล

ตะโพนรุ่นแรกเนื้อโลหะ อุดผงอิททิเจและเสันเกษาตอกโค้ตและหมายเลข หลวงพ่อสม วัดโพธิ์ทอง จ.อ่างทอง




  ส่งข้อความ



ชื่อพระเครื่อง
ตะโพนรุ่นแรกเนื้อโลหะ อุดผงอิททิเจและเสันเกษาตอกโค้ตและหมายเลข หลวงพ่อสม วัดโพธิ์ทอง จ.อ่างทอง
รายละเอียด
ตะโพนรุ่นแรกเนื้อโลหะ อุดผงอิททิเจและเสันเกษาตอกโค้ตและหมายเลข หลวงพ่อสม วัดโพธิ์ทอง จ.อ่างทอง

หลวงพ่อสม หรือ พระครูโสภณสิริธรรม สุชีโว วัดโพธิ์ทอง ต.คำหยาด อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง

เป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ทอง เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง อีกทั้งยังเป็นพระแพทย์แผนโบราณ เป็นพระนักการศึกษา พระนักปกครอง และพระนักพัฒนาพร้อมกันไป ชื่อเสียงของหลวงพ่อสม จึงได้ขจรขจายไปทั้งเมืองอ่างทอง เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้านโดยทั่วไป

พระครูโสภณสิริธรรม สุชีโว มีนามเดิมว่า สม พรหมทอง เกิดเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2473 บิดา-มารดา ชื่อนายหวล และนางละมาย พรหมทอง เกิดที่บ้านบางลำพู ข้างวัดสังเวชวิศยาราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ ท่านเป็นบุตรชายคนโต ต่อมา ได้อพยพครอบครัวไปตั้งรกรากอยู่ที่ อ.สรรพยา จ.ชัยนาท

ด้วยความที่บิดามีความสนิทสนมกับสมภารวัดที่อยู่ใกล้กับบ้าน คือ หลวงพ่อทรัพย์ เจ้าอาวาสวัดอินทาราม (วัดตลุก) จึงได้นำบุตรชายไปฝากให้เป็นลูกศิษย์คอยปรนนิบัติรับใช้ในกิจการต่างๆ รวมทั้งอบรมสั่งสอนเล่าเรียนวิชาการต่างๆ จากหลวงพ่อทรัพย์ และโรงเรียนประชาบาลที่อยู่ภายในวัดอินทาราม จนจบการศึกษาอันเป็นชั้นสูงสุดของโรงเรียน

นอกจากวิชาสามัญในโรงเรียนแล้ว หลวงพ่อทรัพย์ ยังได้อบรมสั่งสอนวิชาแพทย์แผนโบราณ ทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติให้ เนื่องจากหลวงพ่อทรัพย์ เป็นหมอยาไทยที่มีชื่อเสียง จะมีผู้คนมาให้ท่านรักษากันมาก จึงมีหน้าที่ปรุงยาไทยให้หลวงพ่อทรัพย์ ตามใบกำกับยาที่ท่านสั่งให้ ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้หลวงพ่อสม ได้สั่งสมความรู้ทางแพทย์แผนโบราณอย่างดี

จนอายุ 17 ปี ด.ช.สม พรหมทอง ได้บรรพชาเป็นสามเณรอยู่ที่วัดอินทาราม (วัดตลุก) ตั้งอยู่หมู่ที่ 2 ตำบลตลุก อำเภอสรรพยา และเรียนพระปริยัติธรรมอยู่ที่สำนักเรียนวัดอินทาราม พ.ศ.2490 สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี พ.ศ.2491 สอบได้นักธรรมชั้นโท

นอกจากนี้ ยังได้เรียนวิทยาคมจากพระเกจิอาจารย์ชื่อดังที่เดินทางมาอยู่ปริวาสที่วัดอินทาราม เช่น หลวงพ่อรุ่ง และหลวงพ่อเดิม พระเกจิชื่อดังแห่งวัดหนองโพ จ.นครสวรรค์ จนอายุ 19 ปี ได้ลาสึกออกมาด้วยเหตุที่โยมบิดา-มารดามีอายุชราภาพมากขึ้น จำต้องออกมาช่วยงานหาเลี้ยงครอบครัว คือ การควบคุมเรือบรรทุกสินค้าล่องมาค้าขายที่กรุงเทพฯ

จนเมื่ออายุ 24 ปี ได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดอินทาราม มีพระครูธรรมวิริยโสภณ (ทรัพย์) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระสมุห์สนิท เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์เส็ง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “สุชีโว” มีความหมายว่า “ผู้มีชีวิตอันงาม”

หลังอุปสมบทจึงหมั่นศึกษาต่อจากที่ได้เล่าเรียนเมื่อครั้งเป็นสามเณร จนสามารถสอบได้นักธรรมชั้นเอก ครั้นหมดภาระทางการศึกษาพระปริยัติธรรม จึงหันไปศึกษาตำราแพทย์แผนโบราณต่อจากที่เคยได้ศึกษาไว้เมื่อครั้งเป็นสามเณร จากหลวงพ่อทรัพย์ เจ้าอาวาสวัดอินทาราม (วัดตลุก) ท่านได้ศึกษาอย่างจริงจัง เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งปวง ด้วยความ มุ่งมั่นเกี่ยวกับการรักษาโรคด้วยยาสมุนไพร ทำให้หลวงพ่อสม ได้รับนิมนต์ให้ไปบรรยายวิชาแพทย์แผนโบราณแก่หน่วยงานของทางราชการ และหน่วยงานเอกชน

ยามว่างงานด้านการรักษาโรค ก็ศึกษาข้อกัมมัฏฐาน และหมั่นเพียรปฏิบัติสมาธิกัมมัฏฐานอย่างเอาจริงเอาจัง นอกจากนี้ หลวงพ่อทรัพย์ ได้ฝึกอบรมหลวงพ่อสม ด้วยการให้ท่านเขียนลบเลขยันต์ต่างๆ ในแผ่นกระดานชนวนอยู่อย่างนั้นนับแรมปี ด้วยสิ่งใดก็ตามเมื่อทำอย่างซ้ำๆ จะเป็นผลดีในการฝึกจิตแบบอดทนนอกจากนี้

หลวงพ่อสม ได้ไปศึกษาวิทยาคมเพิ่มเติมกับน้าแท้ๆ ของท่าน คือ หลวงน้าเก็บ หรือหลวงพ่อเก็บ แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท กล่าวได้ว่า หลวงพ่อเก็บ เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ศุข แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า พระเกจิชื่อดัง

ครั้งหนึ่ง หลวงพ่อสม ได้มาอยู่กับหลวงน้าของท่านที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า ได้ตั้งใจศึกษาวิทยาคมสายหลวงปู่ศุขอย่างจริงจัง จนมีความสำเร็จ และมีประสบการณ์ให้ได้เห็นกันในปัจจุบัน ส่งผลให้วัตถุมงคลที่ท่านได้ร่วมนั่งปรกอธิษฐานจิตมีความเข้มขลัง ได้รับการยอมรับจากบรรดานักสะสมนิยมพระเครื่องเป็นอย่างยิ่ง

หลวงพ่อสม ได้ฝึกจิตด้วยความเพียร โดยเห็นว่า “จิตเป็นที่ตั้งแห่งความดีและความชั่ว ความดีและความชั่วนั้นต่างมีพลังงานในตัวของมันเอง และพลังงานของทั้ง 2 ฝ่ายเป็นปฏิปักษ์กันโดยธรรมชาติ มีการต่อสู้กันอยู่เนืองนิตย์ จิตใจเป็นสนามต่อสู้ของทั้งสองฝ่าย”

“ผลแห่งการต่อสู้นั้นด้วย คือ พลอยเป็นสุขเมื่อความดีชนะ พลอยเป็นทุกข์เดือดร้อนเมื่อความชั่วชนะ จิตใจย่อมมีอิสรเสรีที่จะเข้ากับฝ่ายใดก็ได้ เมื่อพิจารณาด้วยปัญญาแล้วเห็นควรเข้ากับฝ่ายใด และมีทางเอาตัวรอดจากอำนาจทั้ง 2 ฝ่ายนั้นด้วย”

พ.ศ.2525 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ทอง อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง ต่อมา ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท ในราชทินนามพระครูโสภณสิริธรรม

พ.ศ.2549 เป็นเจ้าคณะอำเภอโพธิ์ทอง ในปีเดียวกัน หลวงพ่อสมได้เข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาในมหาวิทยาลัยสงฆ์ ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตวัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี จนจบหลักสูตรพุทธศาสตรบัณฑิต

หลวงพ่อสม มีชื่อเสียงเกียรติคุณในด้านการจัดสร้างพระผง ได้มีการนำมวลสารผงอิทธิเจ ผงปถมัง ผงมหาราช ผงตรีนิสิงเห ที่ได้ผ่านการเขียนสูตร เรียกสูตร ลบสูตรทุกขั้นตอนตามแบบโบราณหลวงพ่อสม ได้บอกเล่าถึงกระบวนการทำผงมวลสารวัตถุมงคลว่า “ต้องหาที่มุมสงบเพื่อให้จิตนิ่งเป็นสมาธิแล้วเขียนสูตรพร้อมเรียกสูตรไปที ลบตัวอักขระ จนครบทุกตัวอักขระเลขยันต์บนกระดานชนวน 1 ครั้ง หรือ 1 รอบ ต้องใช้เวลาเขียนสูตร เรียกสูตร ลบสูตรเป็นเวลาถึง 3 ชั่วโมงครึ่ง รวมทั้งการหาฤกษ์เขียนสูตรผง จะต้องเป็นฤกษ์ที่สมบูรณ์ที่สุด เพื่อให้ผงนั้นมีพุทธคุณเข้มขลังมากที่สุด”
ราคาปัจจุบัน
800
จำนวนผู้เข้าชม
400 ครั้ง
สถานะ
มาใหม่
โดย
ชื่อร้าน
พลศรีทองพระเครื่อง2 ( บู เชียงราย )
URL
เบอร์โทรศัพท์
0639695995
ID LINE
busoftware52
บัญชีธนาคารยืนยันตัวตน
ยังไม่ส่ง ข้อมูลยืนยันตัวตน




กำลังโหลดข้อมูล

หน้าแรกลงพระฟรี